Mission Possible


せんしゅう, Osaka-Jo Hall で東方神起のコンサート 3rd LIVE TOUR 2008~T~ を見ました。



เป็นเรื่องสาหัสไม่น้อยเหมือนกัน ที่ต้องเตรียมแผนการทัวร์ญี่ปุ่น 8 วัน ภายในช่วงเวลาไม่ถึง 3 เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันไม่ได้เป็นการเดินทางท่องเที่ยวธรรมดา แต่มีภารกิจ (แอบแฝง) อย่างการไปดูคอนเสิร์ตอยู่ด้วย
แม้มันจะมีความเป็นไปไม่ได้อยู่เต็มไปหมดตั้งแต่เริ่มต้น...แต่ในที่สุดมันก็เป็นไปแล้วละนะ

เคยมีคนถามว่า ไม่มากไปเหรอ ลงทุนไปญี่ปุ่นเพื่อดูคอนเสิร์ต แถมเป็นคอนเสิร์ตนักร้องชาวเกาหลี (ทำให้หลายคนงงเข้าไปอีกว่าทำไมไม่ไปเกาหลี) ถ้ามองในมุมของฉันแล้ว จะไปเที่ยวญี่ปุ่น ใคร ๆ ก็ไปได้ จะไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่น แถมได้ดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่เราชอบด้วยเนี่ย มันเหมือนเราได้กำไรต่างหากล่ะ

ライブがすきです。
ฉันชอบอยู่ในบรรยากาศของการแสดงคอนเสิร์ต เวลาชอบฟังเพลงของใครก็จะหาโอกาสไปฟังแบบ live ให้ได้ พอมาชอบเพลงของ Tohoshinki (หรือดงบังชินกิภาคภาษาญี่ปุ่น) ก็เลยอยากฟังเสียงร้องสด ๆ ดูบ้าง แต่ใครที่ชอบเพลงภาษาญี่ปุ่นของวงนี้ก็คงรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย

ปีที่แล้วที่น้อง ๆ วงนี้มาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทยก็ไปดูมาเรียบร้อย แต่ว่าเพลงในคอนเสิร์ตเป็นเพลงเวอร์ชั่นเกาหลีล้วน ๆ (ซึ่งก็ชอบนะ แต่ยังชอบไม่เท่าเวอร์ชั่นญี่ปุ่นอยู่ดี)

คิดไปคิดมาก็พบว่าทางเดียวที่จะได้ฟังเพลงภาษาญี่ปุ่นของวงนี้แบบสด ๆ และมีวงดนตรีเล่นสด ๆ ด้วย ก็คือต้องตามไปฟังถึงที่ญี่ปุ่นเท่านั้น...บอกใครเค้าก็มีแต่คนคิดว่าพูดเล่น...ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้รึเปล่าหรอก แต่ฉันคิดเสมอว่า อย่าพูดว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอะไรเลย


チケットsold out


ฉันรู้ข่าวเรื่อง live tour ปีนี้ประมาณช่วงปีใหม่

ราคาตั๋วคอน
เสิร์ตคือ 7,000 เยน ทุกที่นั่ง ทุกเมือง คำนวณแล้วตกสองพันกว่าบาทนิด ๆ (ถูกกว่าดูในบ้านเราอีก -_-') ดูจากความเป็นไปได้แล้ว ฉันคิดว่าถ้าไปดูที่โอซาก้าน่าจะมีหวังที่สุด เพราะมีเพื่อนอยู่ที่นั่นพอดี แต่ปัญหามีเรื่องเดียวคือ โอซาก้าคือเมืองที่สองของการทัวร์ ซึ่งจะเปิดแสดง 2 รอบ ในวันที่ 26 และ 27 มีนาคม (ก่อนจะมาเพิ่มอีก 2 รอบทีหลัง) ...ทำไมมันมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจน้อยอย่างนี้นะ

แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่จะได้ทำอะไรแบบนี้ เลยรีบถามเพื่อนที่อยู่โอซาก้าว่า จะลำบากไหมถ้าจะฝากซื้อตั๋วคอนเสิร์ต เพื่อนบอกว่าไม่มีปัญหา แถมสถานที่แสดงคือ Osaka-Jo Hall ก็อยู่ใกล้มาก ๆ ขนาดมองเห็นจากที่ทำงานเพื่อนได้เลย “โอ้โห นี่เป็นแฟนตัวจริงเลยนะ” โดนเพื่อนแซวด้วย ฉันได้แต่ยิ้มกับจอคอมพิวเตอร์ เพราะไม่ได้เป็นแฟนคลับอะไรกับใครเค้าหรอก เรียกว่าเป็นแฟนเพลงธรรมดาที่อยากดูคอนเสิร์ตมาก ๆ มากกว่า

ทีแรกที่รู้ว่าซื้อบัตรผ่านตู้ขายตั๋วของ Lawson ได้ ฉันคิดว่ามันก็หมู ๆ แล้ว เพราะแค่เรามี code ให้เพื่อนไปกดจองให้ตามวันที่เค้ากำหนด มันก็ไม่น่าจะมีปัญหา
(คราวก่อนที่ไปดูนิทรรศการก็เคยฝากเค้าไปกดแบบนี้) แต่ลืมนึกไปว่า Lawson ออนไลน์ทั่วประเทศ และไม่รู้ว่ามันมีการเปิดขายล่วงหน้าตั้งหลายช่องทาง อีกอย่างคือ แฟนเพลงของวงนี้ก็มีไม่ใช่น้อย ๆ ดังนั้นวันแรกที่เปิดขายตั๋ว เพื่อนก็ไปซื้อให้ที่ Lawson ตามที่บอกไว้ แต่ปรากฏว่าตั๋วมันหมด...ทั้งสองรอบเลย
เพื่อนยังอุตส่าห์ไปดูตามร้านอื่น ๆ ในโอซาก้าที่รับขายตั๋วให้อีก 2-3 ร้าน...แต่ก็หมดอีก ...นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน ใครจะทำให้เราแบบนี้ล่ะ? (คิดถึงทีไรก็ซึ้งใจทุกที)


ตอนนั้นเริ่มมองหารอบอื่นแทนแล้ว ว่าที่ไหนพอจะมีความเป็นไปได้อีกบ้าง ที่น่าสนใจคือรอบท้าย ๆ ที่ไซตามะ ช่วงเดือนพฤษภา เพราะไม่ไกลจากโตเกียว (เดินทางสะดวก และหาที่พักไม่ยาก) แล้วก็มีเวลาเตรียมตัวเพิ่มขึ้นอีกเดือนกว่า แต่ยังไม่ทันขยับตัว ก็มีข่าวว่าคอนเสิร์ตที่ไซตามะ 4 หมื่นที่ขายหมดใน 1 วินาที !!!

แอบสงสัยเหมือนกัน ว่าคนอื่นที่อยากไปดูคอนเสิร์ต เค้าหาตั๋วยากเหมือนเรารึเปล่านะ


はじめてのオークション

หลังจากนอนเอาเท้าก่ายหน้าผากคิดอยู่หลายตลบ ฉันคิดว่าเราควรเชื่อความคิดแรกของตัวเอง นั่นคือ การเลือกดูคอนเสิร์ตที่โอซาก้านั่นแหละ ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ทั้งตั๋วคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก แล้วก็เวลา

ทีแรกกะจะลุ้นตั๋วคอนเสิร์ต 2 รอบหลังที่ยังไม่เปิดขาย ซึ่งมีโอกาสเจอเหตุการณ์ sold out ได้สูงอีก ดังนั้นเพื่อนซึ่งเป็นเซียนเรื่องการประมูลของในเน็ตเลยบอกว่า หาตั๋วให้ได้แน่ ๆ ก่อนดีกว่า แต่เราต้องจ่ายแพงขึ้นอีกนิด ว่าแล้วก็ชวนฉันไป Yahoo Auction เราใช้วิธีออนไลน์พร้อมกัน เพื่อนช่วยหาตั๋ว แล้วก็ช่วยแปลข้อมูลให้ฉันตัดสินใจ (ลำบากเพื่อนอีกแล้ว) หลังจากหามา 3-4 เจ้าก็มาเจอเจ้าหนึ่งที่ตั้งราคาอยากขายไว้ที่ใบละ 7,500 (ถูกกว่าเจ้าอื่น ๆ แถมถ้าซื้อสองใบ จะส่งฟรีด้วย) ตอนนั้นยังไม่มีใครเข้ามาประมูลเลยซักคน เพื่อนบอกว่า ถ้าเราให้ราคาที่เค้าอยากได้ ก็เท่ากับว่าเราประมูลได้เลยนะ...และนั่นคือที่มาของตั๋วคอนเสิร์ตสองใบ ซึ่งเพื่อนฉันซึ่งมีธุระกลับเมืองไทยพอดี ถือมาส่งให้กับมือก่อนหน้าวันเดินทางไม่กี่วัน (ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลยนะเนี่ย)


เพื่อนของเพื่อนที่เคยดูคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นอีกคนให้ความรู้ว่าตั๋วเนี่ยซื้อออนไลน์ได้ล่วงหน้าทางเว็บเลยนะ ถ้าสมัครสมาชิกของ Pia (ใครจะไปรู้ล่ะ -_-') แต่เลือกที่นั่งไม่ได้ อย่างของเขาซื้อได้ก่อนก็จริง แต่ได้นั่งซะไกลเลย...เผลอ ๆ การซื้อผ่าน Auction จะเลือกที่นั่งได้มากกว่าซะอีกมั้ง (อันนี้ฉันสรุปเอง)


2008年3月26日(水)

ตัดไปวันที่ดูคอนเสิร์ต...

ฉันเดินทางไปก่อนหน้าวันที่มีคอนเสิร์ตหลายวัน เรียกว่าเที่ยวไปเรื่อย ๆ กว่าจะถึงวันที่มาดูคอนเสิร์ตที่โอซาก้าก็เป็นท้าย ๆ โปรแกรมแล้ว

เนื่องจากเกียวโตและโอซาก้าอยู่ใกล้กันมาก เช้าถึงบ่ายวันนั้นฉันยังเอ้อระเหยอยู่แถวอาราชิยามะที่เกียวโตอยู่เลย ตอนก่อนเที่ยงแวะที่ร้านขายหนังสือร้านนึง เค้าเปิดวิทยุ (ท้องถิ่น?) อยู่...จู่ ๆ รายการเค้าก็เปิดเพลง
'O' Sei.Han.Go ขึ้นมาพอดี (เลยไม่ยอมออกจากร้าน ฮ่าฮ่า) นับเป็นการอุ่นเครื่องที่ดีสำหรับการดูคอนเสิร์ตตอนเย็นนะ

กว่าจะไปถึง Osaka-Jo Hall ที่เป็นสถานที่จัดแสดงก็ประมาณ 5 โมงครึ่ง พอดิบพอดีกับเวลาที่เค้าเปิดประตูฮอลล์ เดินออกจากสถานีรถไฟก็เจอตั๋วผี 2-3 เจ้า ขายแค่ 4 พันเยนเท่านั้นด้วย (ไม่ยักกะเห็นมีใครมาถือป้ายรณรงค์ห้ามซื้อตั๋วผีแบบที่บ้านเราแฮะ)



ถัดจากตั๋วผีก็มาเจอแผงขายของที่ระลึกดักตลอดทาง ซึ่งยังไม่ใช่สินค้าแบบ Official ที่เยอะสุดก็พวกรูปถ่าย ที่ห้อยโทรศัพท์ก็มี พวงกุญแจก็เยอะ ดูแล้วนึกถึงร้านขายรูปดาราตรงฮาราจูกุขึ้นมาเลย


ร้านขายรูปย่านฮาราจูกุ (อันนี้รูปเก่าเชียว)

ร้านขายรูปอีกร้าน ย่านฮาราจูกุ (อันนี้รูปใหม่ซะ)

ตลอดทางที่เดินไปฮอลล์เจอแต่ผู้หญิง ๆ ๆ ๆ ทั้งนั้น พอขึ้นบันไดไปหน้าฮอลล์ก็เจอร้านขายของแบบ official ซึ่งไปต่อคิวซื้อกะเค้ามาเหมือนกัน เพราะน้องคนนึงฝากมาซื้อที่ห้อยโทรศัพท์ แล้วตัวเองจะซื้อโปสการ์ด ทีแรกว่าจะเอาไว้เขียนเล่าเรื่องคอนเสิร์ตส่งให้ตัวเองกับเพื่อน ๆ แต่เปลี่ยนใจทีหลังเพราะกลัวส่งไม่ถึง เลยเก็บไว้เป็นที่ระลึก





สำหรับแท่งไฟ...แม้จะรู้ว่ามันจะทำให้ดูคอนเสิร์ตสนุกขึ้น แต่ฉันคิดว่าเก็บเงินเอาไว้กินข้าวดีกว่า เพราะถึงจะมีตังค์จ่ายค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าตั๋วคอนเสิร์ต แต่ทุกอย่างก็แปะป้าย Economy ไว้ทั้งน้าน...ค่าแท่งไฟอันนึงก็กินข้าว (แบบ economy) ได้ 1-2 มื้อแล้วล่ะ -_-'


หน้าฮอลล์มีเสียงประกาศโหวกเหวกที่ฟังไม่รู้เรื่องเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ก็ประกาศเรียกคนให้เข้าฮอลล์พวกบัตรเครดิตก็ตะโกนชวนให้คนมาสมัครบัตร Mastercard Tohoshinki เค้าแจกใบปลิวให้ด้วย ซึ่งฉันก็ทำเนียนเดินวนไปวนมาจนได้มาฝากเพื่อนตั้งหลายใบแน่ะ ;)

ของฝาก


ใคร ๆ ก็มาถ่ายรูปกับป้าย


แผงขายซีดีหน้างาน



เมื่อดูบรรยากาศข้างนอกจนพอใจแล้ว ฉันกับเพื่อนอีกคน (ซึ่งไม่ได้เป็นแฟนเพลงน้อง ๆ วงนี้แต่อย่างใดแต่มาดูเป็นเพื่อนแทนอีกคนที่ต้องยกเลิกการเดินทางด้วยเหตุสุดวิสัย) เลยคิดว่ารีบเข้าไปหาที่นั่งข้างในจะดีกว่าเดินซ่าอยู่ข้างนอก คนญี่ปุ่นยิ่งตรงเวลาอยู่ด้วย

ตามปกติ ถ้าเป็นการดูคอนเสิร์ตในบ้านเรา โดยเฉพาะที่อิมแพค เค้าจะห้ามเอาขวดน้ำเข้าไปข้างใน (ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม) พวกเราก็เลยไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเป็นธรรมเนียมสากลรึเปล่า พอใกล้ถึงด่านตรวจค้นเลยหยิบขวดน้ำขึ้นมาชี้ ๆ แล้วถามเค้าว่าโอเคมั้ย? เจ้าหน้าที่ผู้ชายซึ่งทีแรกดูหน้าโหด ๆ เค้าก็ยิ้ม ๆ แล้วกวักมือเรียกว่ามาเหอะๆ สรุปว่าไม่ต้องทิ้งแฮะ เค้าไม่ซีเรียสเรื่องน้ำแต่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องกล้อง มีการเอากระเป๋าเป้ไปคลำ ๆ ดูว่ามีกล้องรึเปล่า (แต่ไม่ถึงขั้นค้นตัว) แล้วก็ถามซ้ำด้วยว่ามีกล้องมั้ย อันนี้ฉันกับเพื่อนรู้ระเบียบนี้ดีเลยเก็บกล้องไว้ที่พักเรียบร้อย...ไม่อยากให้ต้องมีปัญหา เดี๋ยวจะเสียอารมณ์ในการดูคอนเสิร์ตเปล่า ๆ

ถัดจากด่านตรวจค้นก็มาถึงการตรวจบัตรคอนเสิร์ต อันนี้ฉันแอบกังวลนิดหน่อย เพราะตั๋วที่ซื้อไม่ได้พิมพ์เป็นรูปภาพเหมือนที่เคยเห็นในเน็ต สรุปว่ากลัวจะได้ตั๋วปลอม โน่น นี่ นั่น แต่ปรากฏว่าด่านนี้ก็ผ่านฉลุยเหมือนกัน เย้~

ที่นั่งบนตั๋วของเราอยู่ตรงบล็อก A ซึ่งอยู่ทางด้านขวาของเวที (อันนี้รู้ตั้งแต่ตอนซื้อบัตรแล้ว) จากประตูทางเข้าต้องเดินไปอีกพอสมควร ระหว่างเดินผ่านประตูเข้าฮอลล์ชั้นในก็ได้ยินเสียงคนกรี๊ดกันสนั่น อ๋อ เค้าฉายภาพ VTR บนจอข้างเวทีน่ะเอง (ตกใจหมด นึกว่ามีอะไร)

ปกติเวลาดูคอนเสิร์ตที่เมืองไทย โดยเฉพาะอิมแพค (อีกแล้ว) เราจะชินกับการต้องขึ้นบันไดสูง ๆ มีเฉพาะบัตรราคาแพงเท่านั้นที่ไม่ต้องปีน แต่สำหรับที่โอซาก้าโจ ฮอลล์ ทันทีที่ก้าวเข้าประตูไป ฉันก็อยู่ตรงกลางสแตนด์ชั้นที่สองแล้ว ฮอลล์ที่ดี (ขนาดได้รับรางวัลด้านสถาปัตยกรรมแบบที่นี่) มันเป็นอย่างนี้นี่เอง อย่างที่นั่งที่ฉันได้มา เป็นแถวสุดท้ายแต่ก็ขึ้นบันไดไปไม่สูงมาก แถมพอมองลงมาก็รู้สึกว่าเวทีอยู่ไม่ไกลเลย อันนี้เป็นเรื่องที่ฉันกับเพื่อนประหลาดใจมาก ๆ เพราะถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด ที่นี่จะจุคนได้พอ ๆ กับอิมแพค แต่ถ้านั่งแถวสุดท้ายในอิมแพคเนี่ย จะรู้สึกว่าไกลสุด ๆ เลยนะ (แค่แถวแรกของชั้น 3 ก็แย่แล้ว)

บรรยากาศในโอซาก้าโจ ฮอลล์

ที่ตลกอีกอย่างคือ นอกจากมันจะเป็นแถวสุดท้ายแล้ว มันยังเป็นที่นั่งติดทางเดินด้วย ปกติฉันจะชอบจองที่นั่งแบบนี้แหละ พอนึก ๆ ดูตำแหน่งที่นั่งก็ใกล้เคียงกับคอนเสิร์ต O. ที่เพิ่งดูไปเลย คืออยู่ด้านข้างทางขวามือของเวที ซึ่งจะมีจุดบอดด้านซ้ายมือ ของเวที (ฝั่งจุนซู) นิดหน่อย แต่ยังไงคราวนี้ก็ยังได้เห็นจออยู่ (อันนี้เก็บความแค้นใจมาจากคอนเสิร์ต O. ที่ที่นั่งด้านข้างบล็อกแรก ๆ มองไม่เห็นจอขนาดยักษ์บนเวทีเลย...จริง ๆ )

ทุก ๆ ที่นั่งจะมีแมกกาซีนแจกวางไว้ให้ โดยเสียบเอกสารโฆษณาของ Tohoshinki ไว้ข้างหน้าเหมือนเป็นหน้าปก รู้สึกดีจัง แม้จะเป็นการขายของก็เหอะ (ตอนขากลับออกมาเห็นบางคนทิ้งใส่ถังขยะหน้าฮอลล์ด้วย นี่ถ้าไม่เกรงใจก็จะเก็บมาฝากเพื่อนแล้ว) ที่นั่งข้าง ๆ เราสองคนมีคุณป้านั่งอยู่ก่อนแล้วคนนึง รู้สึกตกใจสองเรื่องคือ คุณป้ามาดู? และคุณป้ามาดูคนเดียว? แต่ตกใจได้ไม่นานก็มีคุณป้าอีกคนค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดมา แล้วเค้าก็โบกมือทักกัน อ้อ ...คุณป้ามีเพื่อน (วัยเดียวกัน) มาดูด้วย

เคยอ่านเจอข่าวว่าแฟนคลับของวงนี้ในญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่เป็นกลุ่มแม่บ้านและคนทำงานวัยเลข 4 (ซึ่งคนเขียนข่าวกัดว่าเป็นแม่ของนักร้องกลุ่มนี้ได้เลย) พอฉันมาเจอแฟนเพลงรุ่นแม่ของแม่บ้านเข้าไปแบบนี้ (อายุประมาณคุณยายของโทโฮชินกิ) เล่นเอาอึ้งไปเหมือนกัน มันตลกตรงที่ถ้าดูคอนเสิร์ตที่เมืองไทยฉันจะอยู่ในกลุ่มแฟนเพลงที่อายุมาก แต่พอมาดูที่ญี่ปุ่นกลายเป็นว่าฉันกลายเป็นกลุ่มที่อายุน้อย ^_^

คุณป้าสองคนนี้ส่งเสียงกรี๊ดเบา ๆ ตอนเริ่มคอนเสิร์ตด้วยนะ ระหว่างดูคอนเสิร์ตป้าไม่มีแท่งไฟ ป้าไม่ได้โบกมือ ป้าไม่ได้ร้องเพลงตาม แต่ในมือป้ามีกล้องส่องทางไกลคนละอัน จากการแอบดูวิถีกล้องของป้า ฉันสรุปได้ว่า ป้ามาดูจุนซูล่ะ จริง ๆ อยากถามป้า (เป็นความรู้) มาก ๆ เลยว่าป้าอายุเท่าไหร่ แต่กลัวถูกด่าเลยได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้...ถ้าให้ทาย ฉันคิดว่าเลข 5 ขึ้นไปแน่นอน!!!

คอนเสิร์ตที่นี่เริ่มเวลา 18.30 น. เป๊ะ ๆ ไม่ดึกเกินไปดี ขนาดเป็นวันธรรมดา (วันพุธ) แต่สาวออฟฟิศก็มาดูกันทัน คงจะเป็นเพราะญี่ปุ่นมีระบบขนส่งมวลชนที่ดีด้วยมั้ง ตั้งแต่เพลงแรกจนเพลงสุดท้าย ฉันแทบไม่ได้นั่งเลย (คุณป้าข้าง ๆ ก็เหมือนกัน) คือใคร ๆ ก็ยืนน่ะ ถ้าไม่ยืนเราก็เห็นไม่ชัด แต่ที่สำคัญคือ ยืนแล้วมันได้ฟีลกว่าจริง ๆ (แม้วันนั้นขาจะเดินมากจนขาแพลงไปแล้วข้างนึงก็ตาม) ไอ้ที่กลัวว่าจะเข้าไปหลับในฮอลล์เพราะเที่ยวเหนื่อยมาทั้งวัน เป็นอันว่าลืมไปได้เลย

ตอนดูภาพคอนเสิร์ตข้างหน้ายังกับฝันไปแน่ะ...เหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ เหรอนี่ จากตรงที่นั่งแถวสุดท้ายนั่น จะเลือกมองจากจอก็ได้ ดูตัวเป็น ๆ ก็ได้ แปลกใจนิดหน่อยที่เสียงกรี๊ดเบากว่าที่คิด (ขนาดตอน encore ยังไม่ค่อยกระหึ่มเลย) มาเข้าใจทีหลังว่าคนญี่ปุ่นเค้าเป็นแบบนี้เอง (เค้าเน้นแสดงออกด้วยแท่งไฟ) ดูไปตั้งครึ่งค่อนคอนเสิร์ตถึงมีเสียงกรี๊ดดังขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แถว ๆ ช่วงเพลงจังหวะคึกคักอย่าง Purple Line

เล่าถึงคอนเสิร์ตแบบรวบ ๆ ก็คือ เทคนิคแพรวพราว แต่ก็ไม่ได้อลังการเท่าคอนเสิร์ตเวอร์ชั่นเกาหลี อาจจะเพราะสไตล์ที่แตกต่างกันของคอนเสิร์ตเกาหลีกับญี่ปุ่น รวมทั้งสถานะของวงในสองประเทศที่ไม่เหมือนกันด้วย แต่นั่นก็ถือว่าอลังการกว่าคอนเสิร์ตไทยเยอะแยะแล้ว (แค่นี้ฉันกับเพื่อนก็ปลาบปลื้มจะแย่แล้วว่า ตั๋วคอนเสิร์ตราคาเท่านี้น่ะคุ้มแสนคุ้ม) เค้ามีลูกเล่นอะไรหลายอย่างที่เจ๋งในเรื่องความคิด (อย่างทางเดินในเพลง Darkness Eyes นี่ชอบมาก ๆ จนทำให้ชอบเพลงไปด้วย) แสงเลเซอร์นี่ก็มาไม่ยั้ง แต่ดูเหมือนคนญี่ปุ่นจะไม่นิยมเล่นพลุและเปลวไฟในคอนเสิร์ตแบบเกาหลี เพราะถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนจะเห็นพลุขึ้นแค่ครั้งเดียวเอง...อันนี้เลยสรุปเอาเองว่าคอนเสิร์ตเกาหลีคงเน้นโชว์ตู้ม ๆ แสงสีเสียงตระการตา บางทีนักร้องก็ต้องยอมลิปซิงก์กันบ้าง เพื่อให้โชว์สมบูรณ์ ในขณะที่คอนเสิร์ตญี่ปุ่นไม่ใช้วิธีลิปซิงก์ บางทีก็เลยแสดงเพลงเต้นหนัก ๆ ไม่ได้เยอะ...อย่างเพลง O. ก็ไม่มีในคอนเสิร์ตคราวนี้นะ

ส่วนตัวแล้วชอบคอนเสิร์ตแบบญี่ปุ่นมากกว่า แล้วที่ชอบมาก และสมใจอยากมาก ๆ ในคอนเสิร์ตนี้คือ ทุกเพลงร้องสด แล้วก็มีวงแบ็คอัพมาเล่นกันสด ๆ ด้วย เพิ่งมารู้จาก History in Japan Vol.3 ว่าคนร้องเองก็ไม่ค่อยจะได้ร้องเพลงกับวงดนตรีแบ็คอัพบ่อยเท่าไหร่เหมือนกัน...สรุปว่าโชคดีที่คราวนี้เค้าเลือกใช้วงดนตรีมาเล่นแบ็คอัพให้ (มีช่วงแนะนำนักดนตรีด้วยนะ) เสียดายก็แต่ว่ามีหลายเพลงที่อยากฟัง แล้วก็น่าจะได้ฟัง แต่ไม่อยู่ใน Song list คราวนี้ โดยเฉพาะเพลง Solo ที่ตั้งใจจะมาดูโดยเฉพาะ...กลับไม่มีซะงั้น ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเพิ่งออก solo single กันไปแท้ ๆ

ส่วนเรื่องเสื้อผ้า-หน้า-ผม ช่วงที่ออกเดินทางจากเมืองไทยคอนเสิร์ตรอบแรกเพิ่งเล่นพอดี ก่อนไปเลยได้เห็นรูปนิด ๆ หน่อย ๆ และได้ทำใจไปแล้วพอสมควร โดยเฉพาะชุดสีเงินและสีทอง...ไม่เข้าใจเลยว่าเพลงสบาย ๆ อย่าง Rainbow เนี่ย มันเข้ากับคอสตูมสีทองตรงไหน??? -_-') แต่รายละเอียดพวก คอนเสิร์ตเริ่มเพลงอะไร ร้องเพลงไหน ต่อด้วยเพลงไหน เปลี่ยนชุดกี่รอบเนี่ย ตั้งใจจะไม่อ่านเลย เพราะอยากได้ฟีลสด ๆ มากกว่า


รูปที่ถ่ายด้วยมือถือจากที่นั่งแถวสุดท้าย
แล้วออกมาดูดีที่สุดคือรูปนี้



ดูคอนเสิร์ตคราวนี้มีอะไรประทับใจหลายอย่าง เรื่องการแสดงของน้อง ๆ ก็อย่างนึงล่ะ (ลูกคอ 8 ชั้นของจุนซูตอนร้องเพลง Asu wa kuru kara นี่สุดยอดจริง ๆ) ถึงจะมีลืมเนื้อเพลงบ้าง ก็ถือเป็นฟีลของการแสดงสด ช่วง MC ก็ขำดี ขนาดฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็ยังฮา VTR ที่ฉายคั่นเวลาเปลี่ยนฉากเปลี่ยนชุดก็ถ่ายมาสวยทุกอัน ยิ่งอันที่ฉายก่อนเข้าเพลง CLAP! ยิ่งเวิร์กสุด ๆ มีแต่คนตะโกนเรียกชื่อจุนซูกันใหญ่ (ตอนแรกจุนซูหายไป แล้วก็โผล่มาทีหลังด้วยลีลาที่เรียกเสียงกรี๊ดได้สนั่นฮอลล์) ที่ประทับใจอีกอย่างคือได้ร้องเพลงไปพร้อม ๆ กับศิลปินที่เราชอบ (อันนี้คิดว่าเป็นไฮไลท์ของการดูคอนเสิร์ตทุกคอนเสิร์ตเลยนะ) พอดีปลื้มเพลงภาษาญี่ปุ่นของน้อง ๆ มาก ๆ อยู่แล้ว เลยพอจะดำน้ำตามได้นิดหน่อย... แล้วก็อย่างที่บอกไปว่าไม่ได้ซื้อแท่งไฟเข้าไปในคอนเสิร์ตด้วย ตอนแรกเลยไม่ค่อยกล้าโบกมือเปล่า ๆ (เพราะคนอื่นเค้าโบกแท่งไฟกัน) แต่หลัง ๆ เห็นคนอื่นที่เค้าไม่มีก็ยัง in โบกมือเปล่า ๆ ได้ เลยลองโบกมือไปด้วยร้องเพลงไปด้วยมั่ง...เออ รู้สึกดีแฮะ รู้สึกเป็นการดูคอนเสิร์ตที่สมบูรณ์แบบขึ้นเยอะเลย

...มาอ่านเจอข้อความของยุนโฮที่เค้าบอกแฟน ๆ หลังแสดงคอนเสิร์ตที่โอซาก้า (รอบไหนซักรอบ) ว่าเค้ารู้สึกสนุกมากเวลาที่ได้ควงผ้าขนหนูไปพร้อม ๆ แฟนเพลง [本当に楽しかったです。みんなとタオルとまわしながら(^▽^)] ...รู้งี้โบกมือเปล่า ๆ ตามไปตั้งนานแล้ว

การแสดงช่วง encore ยาวมากจนไม่เหมือน encore เลย กว่าจะจบก็เล่นอีกตั้งหลายเพลง พอคอนเสิร์ตจบแล้วคนดูก็กลับกันเลย ในขณะที่ฉันกับเพื่อนชวนกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตามประสาบ้านนอกเข้ากรุง จริง ๆ ก็แอบหวังด้วยว่าเผื่อจะมีใครมาวิ่งเล่นบนเวทีเพื่อเซอร์ไพรส์แบบที่เมืองไทยรึเปล่า...แต่ก็ไม่มีหรอก มีแต่เจ้าหน้าที่มาเดินเคลียร์ให้คนออกจากฮอลล์ให้หมด ชนิดมาเชิญออกถึงตัว ด้านไหนคนออกหมดแล้วก็แล้วปิดประตูเลย การเคลียร์คนของเขารวดเร็วมาก จากในฮอลล์ก็ตามมาเคลียร์คนที่ทางเดินรอบนอกต่อ แถวนั้นบางคนก็ยังนั่งตอบแบบสอบถามที่เค้าแจกให้กันอยู่เลย
(อ่านไม่ออกเลยไม่รู้ว่ามีของรางวัลอะไรให้รึเปล่า) หน้าห้องน้ำก็ยังแถวยาวเหยียด เล่นเอาเด็ก ๆ แฟนเพลงรุ่นประถมที่ยืนรอเข้าห้องน้ำอยู่งงกันใหญ่ ว่าพี่ ๆ เขาจะรีบอะไรนักหนา (range แฟนเพลงกว้างจริง ๆ มีถึง 3 เจนเนอเรชั่นในคอนเสิร์ตเดียว!!!)

เนื่องจากคอนเสิร์ตเลิกไม่ดึกเท่าไหร่ และทุกคนก็โดนไล่ออกมาจากข้างใน ด้านนอกจึงเต็มไปด้วยแฟนเพลงสุภาพสตรีจำนวนมหาศาลที่ยังไม่กลับบ้าน (ยืนเม้าท์กันเต็มลานหน้าฮอลล์) ด้วยอะไรดลใจก็ไม่รู้ ฉันเลยไปต่อคิวซื้อ pamphlet ราคาตั้ง 3 พันเยนจากบูธขายของหน้างานอีกหนึ่งอย่าง (อยากรู้อยากเห็นว่าข้างในเป็นยังไง แต่เค้าไม่มี sample ให้ดู) ...ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่า ถุงใส่ของชิ้นนี้จากงานคอนเสิร์ตจะพาไปเจออะไรที่น่าประทับใจมาก ๆ บนรถไฟขากลับ (
แถมยังไม่รู้อีกด้วยว่าบนใบเสร็จแต่ละใบน่ะ จะมีข้อความขอบคุณเขียนเป็นลายมือจากศิลปินด้วย...ดีนะเนี่ยที่ไม่ได้ทิ้งใบเสร็จไปน่ะ)


ข้อความจาก Yunho บนใบเสร็จ

大切なプレセント

ที่สถานีรถไฟยังเจอแฟนเพลงอีกหลายคนเลยละ สังเกตได้จากแต่ละคนจะมีถุงสีขาวสกรีนลายรูปตัว T อยู่ในมือ (ฉันก็คนนึงล่ะ) จนขึ้นรถไฟไปแล้ว มองไปทางไหนก็เห็นแต่แฟนเพลงทั้งนั้น

ฉันกับเพื่อนเขยิบที่ให้แฟนเพลงวัยทำงานสองคนนั่งด้วย คนนึงหน้าแหลมเหมือนครูของชินจัง ส่วนอีกคนหน้ากลมเหมือน Anpanman พวกเราส่งยิ้มให้กัน (ในฐานะพวกเดีัยวกัน ฮ่าฮ่า) นั่งปุ๊บสองสาวพากันหยิบข้าวของที่ซื้อมาจากหน้างานออกมาดูกันใหญ่ และด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันกับเพื่อนก็เลยเม้าธ์เรื่องคอนเสิร์ตไปแต่ตามองของที่เค้าหยิบออกมาอวดกันไปด้วย

สอดรู้สอดเห็นออกนอกหน้าแบบนี้ก็เลยได้เรื่องน่ะสิ...สองสาวหันไปปรึกษากันสักพักแล้วก็รื้อค้นข้าวของในถุงกันใหญ่ ว่าแล้วก็สะกิดพวกเราแล้วยื่นของสิ่งนี้ให้



นี่ก็คือเป็นริ้บบิ้นสีเงิน ที่มีลายเซ็นและข้อความขอบคุณของ tohoshinki
ฉันรับมาแบบงง ๆ แล้วก็ขอบคุณเค้าไปแบบงง ๆ (ตอนนั้นไม่รู้จริง ๆ ว่ามีของแบบนี้ด้วย)
มันก็เจ๋งดีหรอกนะ แต่ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แล้วเค้าได้มาจากไหน
ก่อนที่จะถามไม่ทันเพราะเราจะลงรถไฟแล้ว เลยหันไปถามเค้าเป็นภาษาญี่ปุ่น (ที่ไม่ค่อยแข็งแรง) ว่า "จากไหน?"
สองสาวคงรู้ว่าขืนอธิบายมาฉันก็ฟังไม่รู้เรื่องแน่ เค้าเลยใช้ภาษาท่าทางและเสียงประกอบ ที่ทำให้ get ได้ไม่ยากว่า ริบบิ้นพวกนี้คือเอฟเฟ็กต์ที่พุ่งออกมาตอนแสดงคอนเสิร์ตนั่นเอง (เข้าใจคิดเนาะ)
ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าเค้าทั้งคู่ใจดีจัง (อุตส่าห์แบ่งของแบบนี้ให้เราด้วย) พูดแทบไม่ออกแน่ะ
แต่นึกออกได้ยังไงไม่รู้ เลยพูดของคุณเค้าเป็นภาษาถิ่นของโอซาก้าว่า "Oーkini" (ขอบคุณ) ทำเอาคนหน้ากลมยิ้มแก้มปริแล้วตอบว่า "ไม่เป็นไร"
ไม่อยากบอกเลยว่ารู้จักคำนี้ได้ก็เพราะ Tohoshinki นี่แหละ
ほんまにおおきによ!

光陰矢の如し

ผ่านไป 1 ปี
จากวันนั้นถึงวันนี้ เพื่อนที่ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันก็กลายเป็นแฟนเพลงไปเรียบร้อย นับตั้งแต่วันที่ดูคอนเสิร์ตนั่นแหละ
ริบบิ้นที่ได้มาก็มีอาการถลอกปอกเปิกไปตามกาลเวลา (ไม่สวยเหมือนตอนได้มาใหม่ ๆ แล้ว)
ส่วนเพื่อนที่เคยซื้อตั๋วคอนเสิร์ตให้ก็ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรแล้ว (คิดถูกจริง ๆ ที่รีบรบกวนเสียตั้งแต่ปีก่อน)

พอมองย้อนกลับไป ฉันว่าทริปนี้เป็นการจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งจริง ๆ
(แต่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ากว่าจะเขียนให้จบได้ ทำไมใช้เวลาเกือบครบรอบปีพอดี)

ปีที่แล้ว นอกจากจะได้ดูคอนเสิร์ตสมใจ ยังได้เห็นดอกซากุระบานด้วย (ประทับใจสุด ๆ)
ปีที่แล้ว ค่าเงินเยนยังไม่แข็งโ๊ป๊กขนาดนี้ ค่าบัตรคอนเสิร์ตก็ยังไม่ขึ้นราคาเหมือนปีนี้ (ไม่งั้นคงสู้ไม่ไหวแน่ ๆ)

よかったよ。 ( ̄▽ ̄)ノ



Comments

IamNaZza said…
อยากทำ Mission ให้ Possible ได้แบบพี่จังเลยค่ะ
อยากไปๆๆๆๆๆ
แต่แค่เรื่องซื้อตั๋วคอนให้ได้ก็ลำบากแล้วค่ะ
พี่โชคดีมากๆเลยที่ Auction ได้ในราคาที่ไม่แพง
เห็นราคา Auc บางทีตกใจเลย อัพไปหลายเท่าตัว


คนญี่ปุ่นเค้าดูคอนเสิร์ทกันเรียบร้อยจังนะคะ
เวลาดูไฟล์คอน เสียงกรี๊ดอะไรก็ไม่เท่าไหร่
แต่มีเสียงปรบมือด้วย ฮ่าฮ่า หายากในคอนประเทศอื่นๆ


ตอนแรกอ่านเรื่องท่องเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี อยู่ดีๆ
ไปๆมาๆ มาเจอเรื่องโทโฮ ดีใจจัง อิอิ
LonelyTurtle said…
ไปแล้วก็อยากไปอีกค่ะ ฮ่าฮ่า

ตอนที่ไปดูนั่น ยังเป็นแบบตั๋วราคาเท่ากันทั้งฮอลล์ค่ะ แล้วก็พอดีไม่ได้เกี่ยงว่ามันจะนั่งหรือยืนตรงไหน (ขอแค่ให้ได้ตั๋ว) ก็เลยได้ราคาตามนั้น แต่เห็นใน auction บางที่ก็แพงจนสู้ไม่ไหวเหมือนกัน

ถ้ามีโอกาส ก็ขอให้ได้ไปดูเหมือนกันนะคะ Fighting!
IamNaZza said…
ณ จุดนั้นเป็นแน็ตก็ไม่สนแล้วค่ะ จะยืนจะนั่ง
ขอให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนดูในฮอลล์นั้นก็พอแล้ว ฮ่าฮ่า

สาธุ ขอให้ได้ไปดูจริงๆเถอะ!
แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยค่ะ
เลยพยายามทำใจไว้เผื่อบ้าง

^^