Bonjour Amsterdam (10) RER รถไฟมีชื่อ
พอดีว่าที่พัก 2 คืนแรกในฝรั่งเศส อยู่ในโซน 3 ชานเมืองปารีส
เลยได้นั่งรถไฟ RER (แอร์เออแอร์) ที่เป็นรถไฟชานเมืองด้วย
เจ้าของที่พักบอกวิธีเดินทางมาในอีเมลว่า ให้ขึ้นรถ RER สาย C แต่ต้องเป็นขบวนที่ชื่อ MONA JOEL หรือ ROMI เท่านั้น
รถไฟมีชื่อเหมือนคนเลยแฮะ^^
ยิ่งอยู่ไปเรื่อย ๆ ก็เห็นว่ารถ RER มีอีกหลายชื่อเลย
ทีแรกคิดว่าเป็นอุบายให้จำง่ายโดยตั้งชื่อให้รถที่วิ่งสายเดียวกัน (สาย C เหมือนกัน) ที่วิ่งไปสุดสายกันคนละที่ (คือรถไฟประเทศชาติเค้าทั่วถึงจนน่าอิจฉา)
แต่มาเปิด wiki ดูถึงได้รู้ว่าจริง ๆ มันลึกซึ้งกว่านั้น
ชื่อรถไฟ (ซึ่งสามารถดูได้ที่หัวขบวน) จริง ๆ แล้วเป็น code
จากอักษร 2 ตัวแรกจะรู้ได้เลยว่ารถวิ่งไปถึงไหน และจะจอดตลอด หรือข้ามสถานีไหนไปบ้าง
เจ๋งอ่ะ!
ส่วนเราไม่ต้องจำขนาดนั้น เอาแค่จำชื่อสายที่ต้องขึ้นก็พอแล้ว อีกอย่างคือในสถานีจะมีตัวช่วยเป็นข้อมูลขึ้นที่หน้าจอด้วย ว่ารถที่กำลังจะมา มีชื่ออะไรบ้าง แต่ละคันจะจอดสถานีไหนบ้าง
เพิ่งสังเกตว่าคนชุดดำในรูป...หลอนมาก!
ตั๋วใบแรก
ก่อนเดินทางศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อตั๋วรถไฟไปพอสมควร แถมปริ้นต์ข้อมูลติดกระเป๋าไปอีก แต่พอไปถึงปารีสจริง ๆ ข้อมูลมันตีกันไปหมด 55 ตู้ไหนซื้อได้ ตู้ไหนซื้อไม่ได้เนี่ย (ตู้เค้ามีหลายแบบหลายสีจริง ๆ จำไปแค่สีก็ไม่ได้ด้วยนะ เพราะบางทีก็มีหลายสี -_-')
สุดท้ายเลยได้โกงค่าตั๋วรถไฟแบบไม่ได้ตั้งใจ!
เวลาซื้อตั๋วกับตู้อัตโนมัติ ถ้าซื้อตัวรถไฟใต้ดิน (เมโทร) ที่วิ่งในโซน 1 คือ 20 เขตของปารีสมันก็ไม่ยากหรอก เมนูหน้าจอก็ไม่ซับซ้อนด้วย แต่นี่ยืนกดตั๋วตรงตู้ที่มีคนใจดีชี้บอกอยู่เป็นนาน ก็ยังหาคำว่า RER ไม่เจอซักที เลยเปลี่ยนไปเดินหาเคาน์เตอร์ขายตั๋วในสถานี Paris Nord แทน ซึ่งก็หาไม่เจออีก (แค่ทางจะไปขึ้นรถไฟยังงงกับลูกศรที่ปักหัวลงพื้นเลย ฮ่า ๆ T_T) จะขอความช่วยเหลือใครมากก็ไม่กล้า ดันกลัวว่าเค้าจะเป็นมิจฉาชีพอีก (อ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะไปหน่อย)
สรุปว่าหาเจ้าหน้าที่ไม่เจอ เลยซื้อตั๋วเมโทรธรรมดาไปก่อน เพราะต้องนั่งรถใต้ดินไปต่อ RER ที่อีกสถานีนึงอยู่แล้ว กะว่าไปถึงสถานีโน้นแล้วค่อยหาทางซื้อตั๋วใหม่ (ไม่งั้นก็งมอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ได้ไปไหนซักที) แต่ช่วงต่อรถก็ไม่ได้ซื้อตั๋วเพิ่ม เพราะหาไม่เจอและเริ่มงง คือสถานีนั้นคนแน่นมาก มานึกทบทวนทีหลังที่หาตู้ขายตั๋วไม่เจอก็เพราะเราเปลี่ยนสายรถไฟได้โดยไม่ต้องเสียบตั๋วออกมาก่อน ก็เลยไม่เจอตู้ขายตั๋ว แล้วพอเดินมาเจอชานชาลาที่จะต่อรถ ก็เลยเลยตามเลย คือขึ้นรถ RER ไปที่พักเลย (เวลาหิว-เหนื่อย-หนัก มันคิดอะไรไม่ค่อยออกเหมือนกันนะ)
ค่าตั๋วรถไฟใต้ดินในปารีสตอนนั้น 1.7 ยูโร ถ้านั่งออกไปนอกเมืองตรงที่เราพักมันจะใบละ 2.65 ยูโร ก็ได้แต่ลุ้นไปตลอดทางว่าจะออกจากสถานีได้มั้ย จะถูกปรับมั้ย แล้วจะอธิบายกับเจ้าหน้าที่ยังไง ซึ่งโชคดีมาก ๆ ว่าสถานีที่ลงคือ Vitry-sur-Seine มันเป็นประตูแบบผลักออกเฉย ๆ ได้เลย ไม่ต้องเสียบตั๋วให้ประตูเปิดแบบหลาย ๆ สถานี ก็เลยรอดได้แบบงง ๆ -_-'
ถึงจะรู้ว่าตุกติกได้แต่เป็นครั้งเดียวที่ทำแบบนี้ วันอื่น ๆ เราซื้อตั๋วจากสถานีนี้เป็นแพ็ค 10 ใบติดกระเป๋าไว้เลย ซื้อง่ายมาก ๆ เพราะเป็นสถานีรถ RER โดยเฉพาะ (เมนูหน้าจออำนวยสุด ๆ)
ทางออก ผลักเฉย ๆ ได้เลยไม่ต้องเสียบตั๋ว
Vitry-sur-Seine Station - ย้อนยุคมากมาย
รถไฟชานเมือง
ถึงจะเป็นรถไฟชานเมือง แต่ RER ก็เดิ้นกว่าเมโทรในปารีสตรงมีปุ่มกดเปิดประตู ไม่ต้องออกแรงยกสลักแบบรถไฟใต้ดินรุ่นเก่าบางขบวนในเมือง (ฮา)
และที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างคือรถไฟ RER สาย C มี 2 ชั้นด้วย
การขึ้นรถไฟ 2 ชั้นเคยเป็นความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งเลยนะ (ที่บ้านไม่มี) แล้วก็พบว่าเมื่อฝันเป็นจริงเรากลับขี้เกียจจะปีนบันไดขึ้นชั้นบน ขอเกาะอยู่ข้างล่างนี่แหละ 555
มีปุ่มกดเปิดประตู
รถไฟ 2 ชั้น
ปัญหาที่เราเจอจากรถ RER คือมันมาไม่ค่อยเป็นเวลา ขนาดไปไม่กี่วัน ยังเจอรถไฟที่อยู่ ๆ ก็เลทจนไปสาย แอบได้ยินครอบครัวชาวอเมริกันบ่นกับเจ้าของที่พักเหมือนกันว่าเจอรถไฟมีปัญหาตอนดึก เลยต้องนั่งแท็กซี่กลับมาที่พักแทน
อีกอย่างคือ ตอน RER จอดในสถานีใต้ดินในตัวเมืองก็ขึ้น-ลงง่ายดีหรอก แต่พอออกนอกเมืองมาสถานี Vitry-sur-Seine ซึ่งเป็นสถานีบนดิน พื้นชานชาลามันไม่เสมอกับตัวรถได้ไงก็ไม่รู้ เป็นปัญหากับพวกกระเป๋าลากพอสมควร (ยกกระเป๋ากล้ามขึ้นแล้วยังต้องทรงตัวไม่ให้หัวทิ่มลงจากรถอีก)
มารู้ทีหลังว่า...
หลังจากซื้อตั๋ว RER ใบแรกกับตู้ขายตั๋วไม่สำเร็จ เลยฝังใจว่าต้องซื้อจากตู้ในสถานีรถ RER โดยเฉพาะ หรือไม่ก็ซื้อกับเจ้าหน้าที่ไปเลย
แต่มาค้นพบทีหลังว่ามันซื้อได้จากตู้ขายตั๋วในสถานีรถไฟใต้ดินทั่วไปนี่แหละ หลังจากที่พนักงานในสถานี Alésia ไม่ยอมขายตั๋วให้ นางทำหน้าดุใส่แล้วพูดแต่คำเดิมซ้ำ ๆ (เหมือนกลัวจะฟังไม่เข้าใจ) ว่า "ไปซื้อกับตู้" ...แต่ก็ไม่ออกมาสอนวิธีใช้ด้วยนะ
นี่มันมิชชั่นในรายการเรียลิตี้รึเปล่าเนี่ย ให้หาวิธีซื้อตั๋วเอาเอง (ไม่งั้นไม่ได้ไปต่อ)
แต่สุดท้ายก็ซื้อตั๋วได้แบบมั่ว ๆ
ถ้าจำไม่ผิดต้องเลือกอันที่เขียนว่า paris อะไรซักอย่าง (ซึ่งดูไม่น่าจะใช่ แต่ดันใช่) แล้วมันจะมีให้เลือกชื่อสถานีที่จะไป (ไล่ตามตัวอักษร) จากนั้นจะคิดเงินให้ว่าต้องหยอดเท่าไหร่
ตอนแรกเคืองป้าคนนั้นมากที่ไม่ช่วยอะไรเราเลย ทั้ง ๆ ที่เครื่องขายตั๋วบ้านป้าก็งงซะขนาดนั้น แต่ถ้าไม่มีป้าก็ไม่รู้นะเนี่ย ว่าจริง ๆ แล้วมันต้องทำยังไง
Merci Madame!
Comments