Life is Only One นิทรรศการว่าด้วยชีวิต (และความตาย) โดย Yoshitomo Nara
เมื่อปี 2008 เคยไปดูนิทรรศการ AtoZ ของ คุณ Yoshitomo Nara - ศิลปินชาวญี่ปุ่นที่เราชื่นชอบ (เป็นติ่ง^^) ที่เมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ
ถ้าพูดแบบที่ฮิต ๆ กันสมัยนี้ ก็ต้องบอกว่าเป็นความพยายามออกไปนอก comfort zone ครั้งแรก ๆ ...เราไม่เคยไปญี่ปุ่น อาโอโมริอยู่ไหนก็ไม่รู้ ภาษาญี่ปุ่นก็รู้เป็นคำ ๆ แต่อยากไป และพยายามไปจนได้ (ถ้าไม่มีวันนั้น วันนี้ก็อาจจะยังไม่ได้ไปไหนเลยก็ได้นะ) ที่ไม่ผิดหวังคือนิทรรศการคราวนั้นดีมาก สมบูรณ์มาก มากจนไปดูที่ไหนก็คงไม่ฟินเท่างานนั้นแล้ว
แต่ถ้ามีให้ดูอีก ก็ไปอีกแหละ^^
อย่างปีที่แล้ว (2015) คุณนาระมีนิทรรศการขนาดย่อมที่ฮ่องกง ชื่อ Life is Only One
แค่เห็นข่าวใจก็ไปฮ่องกงแล้ว (ใจง่าย 555) ถึงสถานที่จัดงานจะอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ แต่มันไม่ใช่ปัญหา...
ฮ่องกงอยู่ใกล้กว่าอาโอโมริตั้งเยอะ ;)
เราเลือกเดินทางไปดูนิทรรศการวันท้าย ๆ คือวันไหนตั๋วถูกก็ไปวันนั้นแหละ (ชีวิตโลว์คอสต์) ก่อนไปก็บนไว้นิดหน่อยขอให้ไม่เจอพายุไต้ฝุ่น เพราะเป็นฤดูที่ไต้ฝุ่นเข้าฮ่องกงพอดี (ซึ่งเรารอดพายุไปแบบเฉียด ๆ คือถัดมาอีก 2 วันพายุก็เข้า จนต้องปิดสนามบินเลย ^^')
สถานที่จัดนิทรรศการคราวนี้คือ Asia Society เป็นที่ที่เหมือนไม่ได้อยู่ในฮ่องกง อยู่บนเนินเขา มีต้นไม้ มีอากาศ เจ๋งดี
ส่วนงานที่นำมาจัดแสดงก็มีหลายแบบ ทั้งงาน installation ภาพถ่าย ภาพสเกตช์ ภาพวาด ชิ้นงานอาจจะไม่ต่างจากที่เคยดูมาก บางชิ้นเคยดูมาแล้วด้วย แต่ที่น่าสนใจคือธีมของนิทรรศการ...ที่พูดถึงเรื่อง 'ชีวิต' ซึ่งตัวศิลปินบอกว่าสิ่งที่ทำให้เขาเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คือการจากไปของบุคคลใกล้ชิดและเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
ชื่อนิทรรศการ Life is Only One พูดถึงชีวิต แต่ดูเหมือนถ้าจะพูดเรื่องชีวิต เราก็จะนึกถึงเรื่องความตายด้วย อย่างนี้นี่เอง...
ตัดตอนมาจากเอกสารแจกในงาน
“After turning 50, however, and with the deaths of people close to me and with the recent earthquake, I started to think about life more realistically -- the limits of life, and the importance of what one can accomplish during that time.”
อีกสิ่งที่ชอบในนิทรรศการนี้คือคำบรรยายประกอบที่ติดไว้ อ่านแล้วเข้าใจง่าย ได้คิด มีความเป็นมิตรกับผู้ชมงาน (อาจจะเพราะมีนักเรียนมาชมเยอะด้วย)
อย่าง The fountain of life อันนี้ชอบตั้งแต่ตอนดูที่อาโอโมริแล้ว ตรงที่เป็นเหมือนหัวคน (?) เรียงซ้อนกันนั้น ทุกตัวจะมีน้ำตาไหลพราก ๆ ไหลลงไปในแก้วที่เป็นฐาน เป็นงานที่เสียงน้ำไหลประกอบตลอดเวลา อ่านคำอธิบายเขาบอกว่า คนที่ดูงานนี้จะรู้สึกแตกต่างกัน บางคนมองว่าน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะมีความสุข บางคนจะมองว่าเศร้าก็ได้ แล้วแต่คน...เอ่อ อันนี้เราดูกี่ทีก็ว่าเศร้านะ
จริง ๆ คงเป็นที่เราเองมีเรื่องเศร้าอยู่แล้วด้วย เลยดูอะไรก็เศร้าไปหมด แถมอินกับธีมของนิทรรศการเป็นพิเศษ เพราะตอนนั้นเพื่อนสนิทก็ 'อยู่ ๆ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย' เรื่องของเพื่อนมันทำให้คิดได้ว่าชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอนจริง ๆ ต่อให้แข็งแรงขนาดไหน ดูแลสุขภาพขนาดไหน อายุยังไม่เท่าไหร่ มันก็เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นได้ และเราไม่รู้หรอกว่าเราจะมีเวลาเหลืออยู่อีกมากหรือน้อยแค่ไหน
พอไปอ่านใน facebook ของงาน ถึงได้รู้ว่า เวลาเด็กนักเรียนมาชมนิทรรศการ คนที่พาชมจะมีการโยนคำถามใส่เด็กด้วยว่า คิดว่าชีวิตยืนยาวแค่ไหน และจะทำอะไรกับชีวิตตัวเองบ้าง เหมือนจะดูโหดร้ายที่ถามเรื่องแบบนี้กับเด็กที่ยังไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องไกลตัวพวกนี้ แต่พอคิดอีกที ถ้าเราคิดได้ว่าชีวิตเป็นเรื่องไม่เที่ยงตั้งแต่เด็ก มันอาจจะทำให้เราใช้มันอย่างรู้ค่าและคุ้มค่ามาก ๆ เลยก็ได้นะ
พอไปอ่านใน facebook ของงาน ถึงได้รู้ว่า เวลาเด็กนักเรียนมาชมนิทรรศการ คนที่พาชมจะมีการโยนคำถามใส่เด็กด้วยว่า คิดว่าชีวิตยืนยาวแค่ไหน และจะทำอะไรกับชีวิตตัวเองบ้าง เหมือนจะดูโหดร้ายที่ถามเรื่องแบบนี้กับเด็กที่ยังไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องไกลตัวพวกนี้ แต่พอคิดอีกที ถ้าเราคิดได้ว่าชีวิตเป็นเรื่องไม่เที่ยงตั้งแต่เด็ก มันอาจจะทำให้เราใช้มันอย่างรู้ค่าและคุ้มค่ามาก ๆ เลยก็ได้นะ
งานนี้คุณนาระขนเจ้าหมาสีขาวตัวเล็ก ๆ มาหลายตัวเลย ความสนุกอยู่ที่มันจะถูกวางไว้กระจัดกระจายในพุ่มไม้ด้านนอกให้เราเดินหา แบบนี้...
อีกอย่างที่กรี๊ดตั้งแต่เห็นใน facebook page ของงาน คือประตูลิฟต์
คือเขาเอารูปที่จัดแสดงด้านใน มาตกแต่งที่ลิฟต์ เห็นรูปที่จัดแสดงเรายังกรี๊ด แต่นี่เป็นรูปขนาดยักษ์บนลิฟต์เลย
ภาพนี้ เอามาแปะลิฟต์แบบนี้... |
มีข้อความนึงในนิทรรศการที่ชอบมากจนต้องจดกลับมา อ่านแล้วน้ำตาคลอ เป็นครั้งแรกที่ดูนิทรรศการแล้วเศร้าแบบนี้ แต่เราว่ามันเป็นบทสรุปที่ดีเลย
"The present will always flow to future and tomorrow will come no matter what. Life is fleeting and it will end. But perhaps there is a beauty in such temporarily."
ปัจจุบันจะเคลื่อนไปข้างหน้าเสมอ
และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม วันพรุ่งนี้จะมาถึง
ชีวิตเป็นสิ่งที่คงอยู่ในช่วงสั้น ๆ และจะสิ้นสุดลง
แต่บางทีก็อาจจะมีความงามอยู่ในความไม่ยั่งยืนนั้น
ไม่ว่าจะมีเวลาน้อยแค่ไหน เราก็ต้อง enjoy กับมันสินะ
ว่าแล้วก็...ถ่ายรูปลิฟต์รัว ๆ ๆ ต่อไป
มีกี่ตัวก็ต้องใช้บริการให้ครบ...เพราะมันไม่ซ้ำกันเลย!
เอาน่ะ life is only one มาถึงนี่แล้ว เราต้องให้คุ้ม!
Links :
ในงานถ่ายรูปไม่ได้ แต่ถ้าดูจากอันนี้ก็เหมือนได้ไปดูเองเลยละ http://www.artasiapacific.com/Magazine/WebExclusives/LifeIsOnlyOneYoshitomoNara#.Va9ThG9BXhY.facebook
Facebook เพจ ของงาน https://www.facebook.com/LifeisOnlyOneYoshitomoNara.ashk/
Comments