UKIYO-E Destination: (1) Japan Ukiyo-e Museum พิพิธภัณฑ์ Ukiyo-e ระดับโลก
จุดหมายแรกในทริป Ukiyo-e ของเราเมื่อปี 2019 คือ Japan Ukiyo-e Museum พิพิธภัณฑ์ภาพอุคิโยะเอะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ที่เมืองมัตสึโมโตะ ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันตกประมาณ 167 กิโลเมตร
เป็นจุดหมายแรกแบบที่พอไปถึงญี่ปุ่นปุ๊บเราก็ต่อรถไฟไปที่มัตสึโมโตะเลย...ออกเดินทางจากสนามบินนาริตะตอนสาย ๆ กว่าจะไปถึงมัตสึโมโตะก็ตอนเย็น ๆ เวลาเดินทางที่หมดไปเกือบ 1 วันทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรดลใจให้เขามาเปิดพิพิธภัณฑ์นี้ในต่างจังหวัด...ซึ่งก็ยังนึกไม่ออกว่ามีอะไรเชื่อมโยงกับอุคิโยะเอะ???
(2019) เป็นการเริ่มต้นที่ดี...เจอภาพคลื่นยักษ์ของ Hokusai ในสนามบินนาริตะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ mini gallery ของ Tokyo National Museum |
ระหว่างต่อรถที่สถานีชินจูกุก็เจอภาพในซีรีส์ Mount Fuji ของ Hokusai อีก เป็นโฆษณารถไฟ Fuji Excursion ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2019 |
ถึงจะตั้งใจไปมัตสึโมโตะเพราะมิวเซียม แต่เพื่อให้คุ้มกับที่นั่งรถมาไกล เราเลยพักที่มัตสึโมโตะไปเลย 2 คืน ถือโอกาสเที่ยวที่นั่น กับเมือง Narai เมืองเก่าที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วย
โดดขึ้นรถไฟไปพิพิธภัณฑ์
Japan Ukiyo-e Museum อยู่ในมัตสึโมโตะ แต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง เราต้องนั่งรถไป...ไม่รถไฟก็รถเมล์
ถ้าเทียบกัน รถไฟไปยากกว่าเพราะสถานีไม่ได้อยู่ใกล้มิวเซียม ต้องเดินไปอีกเป็นกิโล ส่วนรถเมล์ Town Sneaker สายตะวันตก (แบบ Long Course) จะสะดวกกว่ามากเพราะวิ่งไปถึงมิวเซียมเลย
แต่วันนั้นเราเลือกไปทางรถไฟ เพราะรถเมล์ (ซึ่งมีชั่วโมงละรอบ) เพิ่งจะออกจากท่ารถที่สถานีมัตสึโมโตะไปไม่นาน ...คำนวณเวลาแล้ว ถ้าซื้อตั๋วรถไฟก็จะไปถึงเร็วกว่ารอรถเมล์อีกคัน...ลึก ๆ ก็คืออยากลองเดินทางทั้ง 2 แบบด้วยแหละ เรื่องนี้มานึกเสียใจทีหลังว่าไม่น่าเล้ย 😂
(2019) รถไฟสาย Kamikochi |
รถไฟไปมิวเซียมคือรถสาย Kamikochi ที่มุ่งหน้าไปคามิโคจิ—แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ซึ่งเราต้องนั่งไปลงที่สถานี Oniwa แล้วเดินต่ออีก 1 กิโล...ตอนขึ้นรถไฟไม่ยากอะไร มายากตอนลงรถไฟนี่แหละ ประตูรถไม่ได้เปิดหมดทุกประตู (เกือบวิ่งลงไม่ทันแน่ะ) และกว่าจะคลำทิศทางถูกก็มึนอยู่นาน เพราะสถานี Oniwa ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำ ไม่มีใครให้ถามทางเลย 😂
โชคดีเจอแผนที่หลบมุมอยู่ใกล้ ๆ สถานี (2019) |
จากที่คิดว่าลงรถไฟแล้วเดินชิล ๆ แค่ 13 นาที ปรากฏว่าเราใช้เวลาไป 30 นาที (ลืมบวกเวลางงทาง เวลาเหนื่อย เวลาถ่ายรูปไร้สาระ 555)
(2019) ป้ายบอกทาง ตรงโค้งสุดท้ายก่อนถึงมิวเซียม |
เดินจนรู้สึกว่าเหนื่อยจริง ๆ แล้วล่ะ ภาพแรกของพิพิธภัณฑ์ก็มาอยู่ตรงหน้า อาคารหน้าตาโมเดิร์นแบบที่เคยเห็นในเว็บโผล่ขึ้นมากลางทุ่งด้านหลังแปลงเกษตร
ยังไม่หายสงสัย อะไรดลใจให้เขามาเปิดมิวเซียมอุคิโยะเอะแถวนี้กันนะ???
พิพิธภัณฑ์กลางทุ่ง! |
สรุปว่าวันนั้นเราเดินไปถึงพิพิธภัณฑ์ก่อนรถเมล์ (คันที่ขี้เกียจรอ) แค่ไม่กี่นาทีเอง T_T
บทสนทนากับเจ้าของเกสต์เฮาส์ตอนเช้าวันนั้นแว้บขึ้นมาในหัวเลย
พอเราเล่าว่ากำลังจะไปมิวเซียมนี้ เธอถามด้วยความเป็นห่วงว่าไปยังไง เพราะที่นั่น “อยู่ไกลนะ”
😂
พิพิธภัณฑ์ Ukiyo-e ใหญ่ที่สุดในโลก?
เคยอ่านเจอในเว็บรีวิวว่าขนาดของมิวเซียมนี้ใหญ่ระดับโลกจริง แต่ห้องจัดแสดงไม่ใช่
ถ้าคาดหวังว่าจะได้ดูงานเยอะ ๆ ก็อาจจะผิดหวัง เพราะภาพที่เก็บรักษาไว้จำนวนมากนั้น จะถูกนำมาสับเปลี่ยนหมุนเวียนในห้องจัดแสดงที่พื้นที่ไม่ใหญ่มาก (แล้วแต่ว่าช่วงนั้นจะเป็นหัวข้ออะไร)
ถึงอย่างนั้นเราก็ยังอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองอยู่ดีว่าจะ 'ไม่มาก' ขนาดไหนกันนะ...ซึ่งก็เหมือนที่มีคนรีวิวนั่นแหละ 😂 ใช้เวลาไม่นานก็เดินรอบ แต่ปริมาณของภาพก็ไม่ได้มินิมอลจนน่าเกลียด
ช่วงเดือนตุลาคมปี 2019 ที่เราไปงานที่นำมาจัดแสดงคือหัวข้อ Annual events in Edo: Pleasures of the seasons มีผลงานของศิลปินหลายคน และแน่นอนว่ามีงานของ Utagawa Kuniyoshi ที่เราตั้งใจไปดูนิทรรศการของเขาที่โตเกียวด้วย
ภาพแมวหิมะที่อยู่ในโปสเตอร์ก็เป็นผลงานของคุนิโยชิ |
อุคิโยะเอะเป็นภาพพิมพ์บล็อกไม้ที่มีสไตล์เฉพาะตัว เกิดขึ้นในสมัยเอโดะ และแหล่งผลิตงานหลัก ๆ จะอยู่ที่เมืองเอโดะ (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว) จนเรียกกันอีกอย่างว่า ภาพวาดเอโดะ (江戸絵 — Edo-e) ...ตอนนั้นเรายังไม่มีความรู้ว่าภาพอุคิโยะเอะกับเอโดะมันเกี่ยวข้องกันยังไง แต่ก็สนุกกับเนื้อหาในนิทรรศการนะ หลาย ๆ อีเวนต์ที่จัดกันในสมัยนั้นสัมพันธ์กับฤดูกาล บ้างก็โยงกับความเชื่อทางศาสนา บางงานก็ถูกกำหนดขึ้นโดยรัฐบาลโชกุน และมีหลายเทศกาลที่ทุกวันนี้ก็ยังจัดกันอยู่เลย
แสงแรกของปี (Utagawa Kuniyoshi: Sunrise on New Year's Day at Susaki) |
เทศกาลเดือนเจ็ด--ทานาบาตะ (Utagawa Kuniyoshi: The Five Seasonal Festival: The Seventh Month) |
เทศกาลดอกเบญจมาศ (Utagawa Hiroshige: Another Name for the Months of The Five Seasonal Festival: September, Nagatsuki, Late Autumn, Month of Colored Leaves) |
หิมะแรก (Utagawa Kunisada: First Snowfall at Mimeguri) |
การที่ภาพอุคิโยะได้บันทึกวิถีชีวิตชาวบ้านทั่ว ๆ ไปในยุคที่ยังไม่มีกล้องถ่ายรูปนี่ละ คือความสนุกเวลาชมภาพเหล่านี้ (แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแบบเป๊ะ ๆ เพราะชาวบ้านในภาพอุคิโยะหลาย ๆ ภาพก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา แต่เป็นหญิงงามเมือง😂)
อีกงานที่จัดซ้อนกันในตอนนั้นคือนิทรรศการพิเศษหัวข้อ Soba and Ukiyo-e ที่ collab กับเทศกาลโซบะในมัตสึโมโตะ...นี่ก็เพิ่งรู้ว่าอุคิโยะเอะมี content เกี่ยวกับโซบะเยอะจนดึงมาจัดนิทรรศการได้แบบนี้เลย
Utagawa Kuniyoshi: No. 68 Moriyama (Sixty-Nine Post Stations of the Kisokaido) |
นอกจากห้องจัดแสดงภาพอุคิโยะเอะ ในพิพิธภัณฑ์ก็ยังมีมุมให้เรียนรู้วิธีการทำภาพพิมพ์แบบดั้งเดิม ทั้งคลิป ทั้งหนังสือ และมีตราประทับที่จำลองมาจากแม่พิมพ์ให้เราลองลงมือพิมพ์เอง แล้วก็ยังมีมิวเซียมช็อปเล็ก ๆ ให้ซื้อของที่ระลึกด้วย
เวลายืนตรงห้องโถงที่เป็นกระจกจะยิ่งได้ความรู้สึกว่าอยู่กลางทุ่งจริง ๆ เลย |
มุมนี้จำลองวิธีทำภาพอุคิโยะเอะมาให้ได้ลงมือทำเอง เหมือนการใช้แม่พิมพ์พิมพ์ภาพทีละสี ทีละเลเยอร์ แต่ว่ารูปที่ได้ สีไม่ได้เหมือนต้นแบบเท่าไหร่หรอกนะ 55 |
เป็นมิวเซียมช็อปที่มีโปสการ์ดเยอะมากกกก |
ส่วนปริศนาว่าทำไมมิวเซียมอุคิโยะเอะถึงมาตั้งที่เมืองมัตสึโมโตะ ข้างในเขามีเฉลย
ไม่มีอะไรซับซ้อน เหตุผลคือเจ้าของคอลเลกชั่นภาพพิมพ์เหล่านี้เป็นคนมัตสึโมโตะ
ตระกูลซาคาอิซึ่งเป็นพ่อค้าชาวมัตสึโมโตะสะสมทั้งภาพพิมพ์ ภาพเขียน ศิลปวัตถุไว้มากมาย แล้วก็ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น จนมาถึงทายาทรุ่นที่ 10 ก็ได้สร้างพิพิธภัณฑ์นี้ขึ้นมา เพื่อเก็บรักษาและจัดแสดงภาพที่สะสมมานานกว่า 200 ปี จำนวนรวม ๆ แล้วนับแสนชิ้น!!!
ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเรื่องดีนะ ที่มิวเซียมใหญ่ ๆ ดี ๆ ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองหลัก แต่กระจายกันอยู่ในเมืองรอง เมืองเล็ก ๆ แบบนี้ด้วย คนในท้องถิ่นก็สามารถเข้าถึงความเป็นระดับโลกได้ไม่ยาก อย่างที่มัตสึโมโตะยังมีมิวเซียมชื่อดังอีกแห่งคือ Matsumoto City Museum of Art ที่มีผลงานของ Yayoi Kusama—คุณยายลายจุดซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองนี้
ตั้งแต่โควิด-19 ระบาด มิวเซียมอุคิโยะเอะแห่งนี้ก็ปิดยาว...มีข้อความบอกไว้ในเว็บไซต์ว่าปิดชั่วคราว ซึ่งช่วงที่เขียนโพสต์นี้มิวเซียมก็ยังไม่กลับมาเปิดตามปกติ มีเพียงภาพอุคิโยะเอะของมิวเซียมที่ยังได้ออกเดินทางไปจัดแสดงที่โน่นที่นี่...เรียกว่าไม่ต้องมาถึงมัตสึโมโตะ ก็ยังมีโอกาสได้ชมงานชิ้นเอกจากคอลเลกชั่นของที่นี่ได้เหมือนกัน
การเดินทาง (จากสถานีมัตสึโมโตะ)
- รถบัส Town Sneaker ใช้เวลาประมาณ 24 นาที มีรถชั่วโมงละ 1 คัน ถ้าวางแผนว่าจะนั่งรถเมล์หลายครั้ง (ค่ารถครั้งละ 150-200 เยน) ซื้อตั๋ววัน ราคา 500 เยน ไปเลยก็สะดวกดี (ขอซื้อกับคนขับรถได้เลย)
- นั่งรถไฟ ไปลงที่ Oniwa Station อยู่ห่างจากสถานีมัตสึโมโตะแค่ 6 นาที แล้วเดินต่อ อีกประมาณ 1 กิโลเมตร
Links :
Comments