จาก Always ถึงเมืองในโปสเตอร์ (1)
2549
สมัยที่เรื่อง Always ภาคแรกออกฉาย จำได้ว่าฉันประทับใจมาก ถึงขนาดตั้งใจว่าตอนไปญี่ปุ่นจะไปเที่ยวตรอกที่ 3 ในเรื่องให้ได้ และถึงขั้นส่งเมล์ไปถามไดจัง--เพื่อนของเพื่อนที่เป็นคนญี่ปุ่นด้วยว่า สถานที่ในเรื่องนี้อยู่ที่ไหนในโตเกียว (ซึ่งคนที่เคยดูคงจะจำได้ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลโตเกียวทาวเวอร์) ปรากฏว่าไดจังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ (-_-') แต่อุตส่าห์ไปหาข้อมูลมาให้ว่า มันเป็นสถานที่สมมติน่ะ (ว้า~) ไดจังบอกว่า ถ้าอยากไปดูบ้านเก่า ๆ ในโตเกียวแนะนำให้ไปเที่ยวย่านชิตะมาชิ (shita-machi) แถวอาสะคุสะแทน (ซึ่งฉันก็ไปตามที่เค้าบอก...แต่หาย่านที่มีบ้านเก่า ๆ ไม่เจอ -_-')
2550
โปสเตอร์แผ่นนี้ในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นดึงดูดฉันอย่างรุนแรง ข้อแรกคือ มันติดอยู่ตรงทางผ่านที่ต้องเห็นทุกครั้งเวลาไปเรียน ข้อสองคือ ฉันเป็นพวกบ้าบ้านเก่า (อย่างรุนแรงอยู่แล้ว)
ตัวหนังสือบนโปสเตอร์เป็นชื่อเมืองที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ‘Kurashiki’ พยายามท่องอยู่หลายครั้งแต่จำไม่ได้ จดมาก็ทำหาย ในที่สุดเลยต้องถ่ายรูปไว้กันลืม...แบบนี้
ข้อมูลในเน็ตบอกว่า เมืองนี้มีบ้านเก่าสมัยเอโดะ มีคลอง แล้วก็มีต้นหลิว แค่นี้ฉันก็หมายหัวเมืองนี้ไว้ในใจแล้ว กะว่าถ้ามีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นอีกครั้ง จะต้องไปที่นี่ให้ได้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ไปไหนเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานก็มีเพื่อนมาคุยให้ฟังถึงเมืองกางเกงยีนส์ที่ดูในรายการทีวี เพื่อนบอกว่าน่าไปมาก ๆ ถามไปถามมา อ้าว...เมืองคุราชิกินี่เอง
ตอนนั้นไม่รู้เป็นอะไร ขนาดหยิบเรื่องสืบสวนมาอ่าน ยังไปเจอเมืองคุราชิกิอีกจนได้ แม้แต่เพื่อนหยิบหนังสือที่เค้าแจกฟรีมาอ่าน ยังอุตส่าห์เจอเรื่องไปเที่ยวเมืองนี้เลย
เพื่อนฉันเรียกอะไรแบบนี้ว่า ‘กฎแห่งการดึงดูด’…แปลกดีตรงที่เราสามารถดึงดูดอะไรแบบนี้ผ่านเพื่อนเราได้ด้วย(เหรอ?)
2551
ด้วยเหตุนี้ คุราชิกิจึงเป็นจุดหมายแรก ๆ ที่ฉันใส่ไว้ในโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่น (แบบฉุกละหุก) เมื่อต้นปี...แล้วก็ไม่เคยคิดจะถอดออกจากโปรแกรมเลย แม้ว่าจะมีเพื่อนหลายคนแนะนำให้ไปเที่ยวที่ปราสาทฮิเมจิ (ซึ่งอยู่ในเส้นทางคล้าย ๆ กันแทน) ตอนนั้นไม่กล้าบอกใครหรอกว่าตั้งใจจะไปให้ถึงเมืองในโปสเตอร์ให้ได้ (มันเป็นเหตุผลส่วนตัวที่พูดไม่ออกจริง ๆ)
ฉันคิดเล่น ๆ ว่านี่ก็เป็นการท่องเที่ยวเชิงทดลองได้เหมือนกันนะ เป็นการ ‘เที่ยวตามโปสเตอร์’ (นี่ก็เล็ง Nagano ไว้อีก เพราะเห็นในโปสเตอร์ที่สถานทูตญี่ปุ่น) ตอนนั้นคิดแค่นี้แหละ...
ไม่นึกเลยว่ามันจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังโปสเตอร์แผ่นนั้นอีกที...
สมัยที่เรื่อง Always ภาคแรกออกฉาย จำได้ว่าฉันประทับใจมาก ถึงขนาดตั้งใจว่าตอนไปญี่ปุ่นจะไปเที่ยวตรอกที่ 3 ในเรื่องให้ได้ และถึงขั้นส่งเมล์ไปถามไดจัง--เพื่อนของเพื่อนที่เป็นคนญี่ปุ่นด้วยว่า สถานที่ในเรื่องนี้อยู่ที่ไหนในโตเกียว (ซึ่งคนที่เคยดูคงจะจำได้ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลโตเกียวทาวเวอร์) ปรากฏว่าไดจังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ (-_-') แต่อุตส่าห์ไปหาข้อมูลมาให้ว่า มันเป็นสถานที่สมมติน่ะ (ว้า~) ไดจังบอกว่า ถ้าอยากไปดูบ้านเก่า ๆ ในโตเกียวแนะนำให้ไปเที่ยวย่านชิตะมาชิ (shita-machi) แถวอาสะคุสะแทน (ซึ่งฉันก็ไปตามที่เค้าบอก...แต่หาย่านที่มีบ้านเก่า ๆ ไม่เจอ -_-')
2550
โปสเตอร์แผ่นนี้ในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นดึงดูดฉันอย่างรุนแรง ข้อแรกคือ มันติดอยู่ตรงทางผ่านที่ต้องเห็นทุกครั้งเวลาไปเรียน ข้อสองคือ ฉันเป็นพวกบ้าบ้านเก่า (อย่างรุนแรงอยู่แล้ว)
ตัวหนังสือบนโปสเตอร์เป็นชื่อเมืองที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ‘Kurashiki’ พยายามท่องอยู่หลายครั้งแต่จำไม่ได้ จดมาก็ทำหาย ในที่สุดเลยต้องถ่ายรูปไว้กันลืม...แบบนี้
ข้อมูลในเน็ตบอกว่า เมืองนี้มีบ้านเก่าสมัยเอโดะ มีคลอง แล้วก็มีต้นหลิว แค่นี้ฉันก็หมายหัวเมืองนี้ไว้ในใจแล้ว กะว่าถ้ามีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นอีกครั้ง จะต้องไปที่นี่ให้ได้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ไปไหนเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานก็มีเพื่อนมาคุยให้ฟังถึงเมืองกางเกงยีนส์ที่ดูในรายการทีวี เพื่อนบอกว่าน่าไปมาก ๆ ถามไปถามมา อ้าว...เมืองคุราชิกินี่เอง
ตอนนั้นไม่รู้เป็นอะไร ขนาดหยิบเรื่องสืบสวนมาอ่าน ยังไปเจอเมืองคุราชิกิอีกจนได้ แม้แต่เพื่อนหยิบหนังสือที่เค้าแจกฟรีมาอ่าน ยังอุตส่าห์เจอเรื่องไปเที่ยวเมืองนี้เลย
เพื่อนฉันเรียกอะไรแบบนี้ว่า ‘กฎแห่งการดึงดูด’…แปลกดีตรงที่เราสามารถดึงดูดอะไรแบบนี้ผ่านเพื่อนเราได้ด้วย(เหรอ?)
2551
ด้วยเหตุนี้ คุราชิกิจึงเป็นจุดหมายแรก ๆ ที่ฉันใส่ไว้ในโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่น (แบบฉุกละหุก) เมื่อต้นปี...แล้วก็ไม่เคยคิดจะถอดออกจากโปรแกรมเลย แม้ว่าจะมีเพื่อนหลายคนแนะนำให้ไปเที่ยวที่ปราสาทฮิเมจิ (ซึ่งอยู่ในเส้นทางคล้าย ๆ กันแทน) ตอนนั้นไม่กล้าบอกใครหรอกว่าตั้งใจจะไปให้ถึงเมืองในโปสเตอร์ให้ได้ (มันเป็นเหตุผลส่วนตัวที่พูดไม่ออกจริง ๆ)
ฉันคิดเล่น ๆ ว่านี่ก็เป็นการท่องเที่ยวเชิงทดลองได้เหมือนกันนะ เป็นการ ‘เที่ยวตามโปสเตอร์’ (นี่ก็เล็ง Nagano ไว้อีก เพราะเห็นในโปสเตอร์ที่สถานทูตญี่ปุ่น) ตอนนั้นคิดแค่นี้แหละ...
ไม่นึกเลยว่ามันจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังโปสเตอร์แผ่นนั้นอีกที...
つづく
Comments